ประวัติวัดดอนแก้ว
จากโพสของวัด ประวัติวัดดอนแก้ว ต.เจดีย์ชัย อ.ปัว จ.น่าน วัดดอนแก้ว ตั้งอยู่เลขที่ ๓๘ บ้านดอนแก้ว หมู่ ๖ ตำบลเจดีย์ชัย อำเภอปัว จังหวัดน่าน สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๖ ไร่ ๒ งาน ๒๔ ตารางวา อาณาเขต ทิศเหนือประมาณ ๔๐ วา ทิศใต้ประมาณ ๔๐ วา จดถนนสาธารณะ ทิศตะวันออกประมาณ ๓๐ วา ที่ตะวันตกประมาณ ๓๐ วา ที่ธรณีสงฆ์จำนวน ๑ แปลง เนื้อที่ ๑๒ ไร่ ๒ งาน ๐๔ ตารางวา อาคารเสนาสนะประกอบด้วย อุโบสถ(กำลังสร้าง) ศาลาการเปรียญ(ปัจจุบันชำรุดเสียหายใช้การไม่ได้) กุฎิสงฆ์ หอระฆัง พระเจดีย์แก้ว ๓ ดวง ปูชนียวัตถุมี พระพุทธรูปปูนปั้น(พระประธานในอุโบสถ) พระพุทธรูปทองทิพย์(พระพุทธรูปเก่าแก่ที่ได้นำมาจากวัดเก่า) พระเจ้าทันใจ และพระพุทธรูปอื่นๆ
วัดดอนแก้ว สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๗ เขตวิสุงสีคาม กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๐ เมตร
จากบันทึกของวัด ประวัติของวัดดอนแก้ว เลขที่ 38 โดยย่อ โฉนดเลขที่ 35374 ตั้งอยู่หมู่ ที่ 6 ต.เจดีย์ชัย อ.ปัว จ.น่าน มีเนื้อที่ 5 ไร่ 1 งาน 44 ตรว.
วัดดอนแก้วเดิมชื่อวัดกอกหรือวัดกอกแก้ว ตำบลแงงสมัยนั้นตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำน่าน ชั้นที่ 3 ตั้งแต่ริมน้ำน่านขึ้นมาพ้นจากการน้ำท่วม
สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2370 ด้วยโครงสร้างด้วยไม้ไผ่สีสุดไม้ซางไม้รวก ได้สร้างขึ้นหลายครั้ง พอมาถึงปี พ.ศ. 2490 ได้ก่อสร้างกุฏิวิหารด้วยไม้เนื้อแข็ง และได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาตลอดจนถึงปี พ.ศ. 2527 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในวัดมีปูชนีย์วัตถุหรือ
ทรัพย์สินคือพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ใหม่ 3 องค์ และพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์เล็กอีกหลายองค์และพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ใหญ่ 3 องค์ และพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์เล็กอีกหลายองค์และพุทธรูปไม้หลายองค์และพระประธานปูนปั้นประจำในวิหาร 1 องใหญ่
และมีแก้ววิเศษ 3 ลูก(ปัจจุบันบรรจุไว้ในพระธาตุ) ประวัติพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์นี้อายุประมาณ 700 ปี(ไม่แน่ชัด) เมื่อปี พ.ศ. 2553 ได้มีฝ่ายสงฆ์กับฝ่ายศรัทธาหมู่บ้านได้นำไปจำลองหล่อเหรียญให้บูชา ช่างดำเนินการจึงมาถ่ายรูปเอาไปออกแบบโดยไม่ได้ขออนุญาต
เมื่อนำไปล้างปรากฎว่าฟิล์มดำไปหมดจึงกลับมาถ่าย รอบ 2 ได้นำดอกไม้ธูปเทียนมาขออนุญาต รูปภาพจึงชัดเจนดีขึ้นคนทั่วไปจึงได้รู้ว่าพุทธรูปองค์นี้วิเศษจริงๆปัจจุบันนี้ได้หล่อเหรียญไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับลูกแก้ววิเศษ
ดังกล่าว ก็แสดงความเชื่อถือให้กับคนทั่วไปคือเมื่อสมัยท่านเจ้ากันทะกนุทโก เป็นเจ้าอาวาส ประมาณปี พ.ศ. 2372-2390 ท่านเจ้ากันทะกันสามเณรที่เคยหลับดึกได้เห็นแสงแก้ว
ดังกล่าวในวันขึ้น 15 ค่ำแรม 15 ค่ำ กลิ้งหรือวิ่งไปตามขื่อและแปรไปๆมามีสีเขียว เร็วและได้หายไป สร้างความมึนงงให้กับภิกษุสามเณรเป็นอย่างมากพากันเทใจว่ามีคนทำไสยาศาสตร
ตู้รองของร้าย พอมารู้ทีหลังเป็นแก้ววิเศษนั้นเอง พอคนทั่วไปรู้ข่าวจึงมีพ่อค้ามาขอ ซื้อของบูชา ท่านเจ้ากันทะจึงปรึกษากับศรัทธาว่าเห็นสมควร ขายหรือไม่ฝ่ายชาวบ้านบอกว่า ถ้าไม่ขายเมื่อเวลาแก้วออกมาเหมือนเดิมอาจมีคนเอายูไม้กวาด
มาปัดลงเขาเอาไปฟรีๆ ดังนั้นตกลงขายให้คนต่างจังหวัดไม่ระบุชื่อและที่อยู่เป็นเงิน 1000 บาท คนที่ซื้อไม่ได้เก็บไว้อย่างดีใส่ในหีบไม้มืดกุญแจนานประมาณ 3 วันเจ้าของจะเอาติดตัวไปค้าขายพอเปิดดูไม่มีแก้วดังกล่าวในหีบแต่อย่างใด ผู้ซื้อจึงไป
ถามท่านเจ้ากันทะวัดกอกว่าแก้วที่ซื้อไปไปได้หายไปจึงขอให้ท่านเจ้าไปดูสถานที่เดิมว่าแก้ววิเศษกลับมาอยู่ที่เดิมหรือไม่ พอไปดูมีอยู่ที่เดิมตามที่คิดพ่อค้าคนนั้นจึงขออธิฐานอีกครั้งนำกลับไปเก็บไว้อย่างดี เป็นครั้งที่ 2 นาน 2 วันได้ทดลองเปิดดู
ก็ไม่มีแก้วอยู่ที่เก็บจึงตัดสินใจไปขอคืนเงินพอไปถึงวัดกอกแก้ว จึงถามท่านเจ้ากันทะว่าลูกแก้วหนีอีกแล้วท่านเจ้ากันทะจึงไปเปิดดูที่เก่าปรากฎว่ามีแก้วดังกล่าวกลับมาอยู่เหมือนเดิม การแสดงความเชื่อถือของแก้วคือเจ้าของผู้ซื้อได้ยันว่าลูกแก้วดังกล่าว
อยู่บ้านไม่ได้เพระาไม่มีที่เหล้นจึงจะอยู่ในวัดเท่านั้นผู้ซื้อจึงนำไปคืนและขอเงินคืนตั้งแต่นั้นมา ชาวบ้านไม่ยอมขายจึงเก็บรักษามาตลอดพอถึงวันศีลขึ้นแรม 15 ค่ำ หรือวันเข้า-ออกพรรษาและวันปีใหม่ได้นำเอาแก้วใส่ลงน้ำส้มป่อย
แล้วให้ชาวบ้านเอาล้างหน้าดำหัวทุกครั้งต่อมาท่านเจ้ากันทะได้มรณะภาพไปเมื่อ พ.ศ.2460 ได้มีพระอานนท์อนานุโท เป็นเจ้าอาวาส เป็นท่านเจ้าเก่งมากสอบชั้นตรีได้เป็นคนแรกของอำเภอปัวได้อธิฐานว่าจะทำอย่างใดให้แก้ววิเศษอยู่ที่เดิมไม่ให้ออกไปที่อื่น
ท่านเจ้าอานนท์ได้ฝันว่ามีคนเฒ้ามาบอกว่าให้ไปเอาไม้เฮี้ยตายพายตัดเอาใส่ข้อตังปี้นเก็บไว้ออกไปไม่ได้จึงทำตามคำฝันก็ได้ผลมาตลอดนานหลายปี ศรัทธาในหมู่บ้าน
เกรงว่าต่อไปจะมีคนพยายามเอาไปหรือแลกเปลี่ยนจึงไม่มีความปลอดภัย พอถึงปี พ.ศ. 2535 วัดดอนแก้วไม่มีเจ้าอาวาสจึงไปนิมนต์ หลวงพ่อคำหวันวัดคั๊วะ ท่าวังผามาอยู่
สมัยนั้นนายกำจัดภัย คำเขื่อนเป็นกำนันปรึกษา พระคำหวันว่าอยากสร้างพระธาตุเจ้าคำหวันบอกว่าเห็นดีด้วย หลานบ่าวชื่อนายถนอม เคยสร้างธาตุมาหลายแห่งจึง
ตกลงสร้างพระธาตุขึ้นมาและได้นำเอาพุทธรูปของสัมฤทธิ์หลายองค์ได้มาจากวัดม่านและลูกแก้ววิเศษเข้าบรรจุไว้ในพระธาตุเพื่อป้องกันสูญหาย ตั้งแต่นั้นถึงปัจจุบัน
อ้างอิง โพสของวัด บันทึกของทางวัด 1 บันทึกของทางวัด 2 บันทึกของทางวัด 3